กสร. รุกแก้ ปัญหาค้ามนุษย์ ยกระดับสู่ Tier 1 พุ่งเป้าขจัดการใช้แรงงานเด็ก

กสร. รุกแก้ ปัญหาค้ามนุษย์ ยกระดับสู่ Tier 1 พุ่งเป้าขจัดการใช้แรงงานเด็ก

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เร่งแก้ ปัญหาค้ามนุษย์ ด้านแรงงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อปลดล็อค Tier 2 Watch List โดยมีเป้าหมายที่ระดับ Tier1 1 โดยจัดประชุมเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย กสร. ปัญหาค้ามนุษย์ – (11 ก.พ. 2565) นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศไทย ปัจจุบันไทยอยู่ในระดับเทียร์ 2 ซึ่งต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) เพื่อยกระดับการจัดลำดับสถานการณ์การแก้ไขการค้ามนุษย์ในประเทศจาก Tier 2 watchlist เป็น Tier 1 ตามนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ดูแลในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์โดยตรง เพื่อยกระดับเทียร์ให้สูงขึ้น จึงสั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน

โดยพุ่งเป้าการตรวจสถานประกอบกิจการที่เสี่ยงต่อการใช้แรงงานเด็ก 

แรงงานบังคับ แรงงานขัดหนี้ และการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพื่อคุ้มครองแรงงานไม่ให้มีการละเมิดสิทธิด้านแรงงานในกิจการประเภทต่าง ๆ ซึ่ง กสร. ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 – 2570 ซึ่งประกอบไปด้วย

– รูปแบบ ก. ทุกรูปแบบของการใช้ทาส หรือแนวปฏิบัติที่คล้ายกับการใช้ทาส เช่น การค้า และการซื้อขายเด็ก การขนส่งเด็ก แรงงานขัดหนี้ แรงงานไพร่ติดที่ดิน แรงงานบังคับ หรือเรียกเกณฑ์เด็กเพื่อใช้ในการสู้รบ

– รูปแบบ ข. การใช้ จัดหา หรือเสนอเด็กเพื่อการค้า เพื่อการค้าประเวณี เพื่อการผลิตสื่อลามก หรือเพื่อการแสดงลามก

– รูปแบบ ค. การใช้ จัดหา หรือเสนอเด็กเพื่อกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเพื่อผลิตและขนส่ง ยาเสพติดตามที่นิยามไว้ในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง

– รูปแบบ ง. งานซึ่งโดยลักษณะของงาน หรือโดยสภาพแวดล้อมในการทำงานมีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ความปลอดภัย และศีลธรรมของเด็ก

‘ธนกร’ ซัด ‘สุดารัตน์’ เลิกนิสัยดราม่า สร้างความสับสนให้ ปชช.

ธนกร ออกโรงซัด หญิงหน่อย หรือ สุดารัตน์ ว่าให้เลิกนิสัยดราม่า สร้างความสับสนให้ ปชช. ชี้ราคาน้ำมันในไทยน้อยกว่าประเทศอื่น

นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวหารัฐบาลนี้ทำให้ราคาน้ำมันแพงกว่าประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลสูงถึงลิตรละเกือบ 6 บาทว่า ตนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณหญิงสุดารัตน์ใช้สมองส่วนไหนคิด เพราะเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง สร้างความสับสนให้กับประชาชน ซึ่งข้อเท็จจริงคือ รัฐบาลใช้กลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปช่วยเหลือโดยการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 3.79 บาท

โดยข้อมูลราคาน้ำมันเฉลี่ยในอาเซียน อ้างอิง ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 5 ราคาน้ำมันของประเทศไทย เบนซิน ขายอยู่ที่ 34.55 บาท/ลิตร ดีเซลขายอยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร สิงคโปร์ เบนซินขายอยู่ที่ 66.89 บาท/ลิตร ดีเซลขายอยู่ที่ 56.07 บาท/ลิตร ลาว เบนซินขายอยู่ที่ 44.67 บาท/ลิตร ดีเซลขายอยู่ที่ 34.75 บาท/ลิตร ฟิลิปปินส์ เบนซินขายอยู่ที่ 38.95 บาท/ลิตร ดีเซลขายอยู่ที่ 32.02 บาท/ลิตร กัมพูชา เบนซิน ขายอยู่ที่ 38.19 บาท/ลิตร ดีเซลขายอยู่ที่ 30.88 บาท/ลิตร

ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาของคุณหญิงสุดารัตน์แต่อย่างใด ตนอยากจะขอร้องคุณหญิงสุดารัตน์ให้หยุดพฤติกรรมปั้นหน้าเศร้าเล่าความเท็จไปวันๆ ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะเมินหนี อย่าใช้วิธีการเดิมๆ มาดิสเครดิตรัฐบาล ตนเชื่อว่าประชาชนรู้ทันแล้วว่า ที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศบ้างนอกจากการรับใช้อดีตนายกฯ บางคนที่ทุจริตคอรัปชั่น

โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลก็มีนโยบายชัดเจนโดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปดูแลราคาอยู่ ในส่วนของของราคาน้ำมันแพงเป็นภาวะที่ทั่วโลกเผชิญ คาดว่าเมื่อพ้นฤดูหนาวของต่างประเทศไปแล้ว แนวโน้มราคาน้ำมันจะปรับลดลง มาตรการภาษีจึงจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่รัฐบาลจะดำเนินการ

โดยจะดูราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ว่าปรับขึ้นไปถึงจุดที่ไม่สามารถรับได้ จะไม่เข้าไปอุดหนุนเกินความจำเป็น เพราะรายได้จากภาษีน้ำมันก็เป็นรายได้หลักของรัฐบาล ซึ่งตอนนี้มีกองทุนน้ำมันที่ทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันอยู่

“พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ นโยบายดูแลระดับราคาพลังงานให้เหมาะสม เน้นดูแลประชาชนในภาพใหญ่ ลดผลกระทบต่อธุรกิจให้มากที่สุด ที่ผ่านมารัฐบาลและกระทรวงพลังงานก็ได้มีการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้ามาช่วยเหลือประชาชน ด้วยการตรึงราคาค่าการตลาด และราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร

ซึ่งผู้ประกอบการภาคธุรกิจส่วนใหญ่รวมทั้งประชาชนเข้าใจดีว่า ราคาพลังงานและน้ำมันโลกทุกวันนี้ เป็นไปตามกลไกตลาดเสรี และราคาพลังงานในประเทศทุกวันนี้ ผู้ประกอบขนส่งยังสามารถประกอบธุรกิจและสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทย ณ ขณะนี้” โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป