วันอุตุนิยมวิทยาโลก 23 มีนาคม ของทุกปี มีอะไรที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ และมีความสำคัญในด้านใด วันนี้ The Thaiger ขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักวันสำคัญภายในวันนี้อย่างเป็นทางการ รวมไปถึงชี้แจงว่าวันนี้นั้นสำคัญอย่างไร ในทุกท่านได้รับรู้และเข้าใจไปพร้อมกันในบทความนี้ วันอุตุนิยมวิทยาโลก วันที่กรมอุตนิยมวิทยาทั่วโลกให้การยอมรับ
ประวัติของวันอุตุนิยมวิทยาโลก วันอุตุนิยมวิทยาโลก ในวันที่ 23 มีนาคม เกิดขึ้นจากการร่วมมือของหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาทั่วโลก ได้เกิดขึ้นจากผลบังคับใช้อนุสัญญาองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ต้องการติดตามผลการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ในปี พ.ศ. 2493 ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดอนุสัญญานี้ขึ้นนั้นก็ได้มีประวัติและเหตุการณ์เกิดขึ้นสืบเนื่องกันมาก่อน ดังนี้
พ.ศ. 2425 ถึง พ.ศ. 2426 ได้มีการจัดตั้งปีขั้วโลกสากล จากความร่วมมือของ 11 ชาติ ได้จัดตั้งสถานีอุตุนิยมวิทยาบนขั้วโลกเหนือถึง 12 สถานี และบนขั้วโลกใต้อีก 2 สถานี ซึ่งได้กระทำการตรวจวัดทางอุตุนิยมวิทยา อย่างครอบคลุมอย่างเข้มข้น และจริงจัง
พ.ศ. 2493 บังคับใช้อนุสัญญาองค์กรการอุตุนิยมวิทยาโลก และเฉลิมฉลองวันอุตุนิยมวิทยาโลกเป็นครั้งแรก จัดประชุม พร้อมทั้งกำหนดข้อหัวสำคัญของวันอุตุนิยมวิทยาโลกในแต่ละปี รวมถึงเหตุการณ์ที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ คำนวณพยากรณ์อากาศเชิงตัวเลขเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2494 องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) รับจัดตั้งให้เป็นองค์การชำนัญการพิเศษของสหประชาชาติ (UN) และเกิดธรรมเนียมปฏิบัติในการคัดเลือกหัวข้อสำคัญ เพื่อเป็นการสดดีให้แก่วันอุตุนิยมวิทยาโลกประจำปี
พ.ศ.2504 ถึง พ.ศ. 2506 ได้มีการจัดตั้งโครงการวิจัยบรรยากาศโลก (GARP) และโครงการตรวจอากาศโลกขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WWW)
ดังนั้นภายในวันที่ 23 มีนาคม จึงถือเป็นวันที่สำคัญในการประชุมเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดจากธรรมชาติ ที่มีต่อทรัพยากรต่าง ๆ ในโลก ทำให้วันนี้นั้นเป็นวันที่เราสามารถระลึกถึงความสัมพนธ์ของ วันอุตุนิยมวิทยาได้นั่นเอง
บาริสต้าถึงกับต้องโพสต์โอด หลังเจอลูกค้าสั่ง นมเย็นไม่หวาน ชี้ทำไม่ได้ เพราะส่วนผสมของเครื่องดื่มหวานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่พนักงานของร้านแห่งหนึ่งได้โพสต์ภาพของออเดอร์ลูกค้าที่สั่ง “นมชมพู” พร้อมกำกับว่า “ไม่หวานเลย” ซึ่งผู้โพสต์ก็ได้โอดว่า “แล้วฉันนั้นทำอะไรได้บ้างงงง” และติด #ช็อคตั้งแต่คนรับออเดอร์ยันบาริสต้า และ #วิญญาณหลุดลอยไป
หลังจากที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ได้โพสต์เรื่องราวสุดฉงนออกไปก็มีชาวเน็ตมาคอมเม้นท์กันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่พูดว่าต่อให้เก่งขนาดไหนก็ชงไม่ได้ เพราะว่าด้วยส่วนผสมที่ต้องใช้ น้ำแดงเฮลส์บลูบอย และ นมข้น ทำให้นมเย็นนั้นหวานอยู่แล้ว
ขณะที่ชาวเน็ตบางส่วนพูดติดตลกว่าให้เทน้ำยี่ห้อ อุทัยทิพ ลงไปแทน หรือ นำสีผสมอาหารเข้าไปแทนที่เพื่อให้เครื่องดื่มออกมามีสีชมพูตามที่ลูกค้าต้องการ โดยปัจจุบันมีผู้แชร์ภาพดังกล่าวออกไปแล้วกว่าสองพันครั้ง
เตือน ใส่หน้ากากอนามัยซ้ำ เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แนะเปลี่ยนทุก 6-8 ชม.
ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ออกมายืนยันข่าวว่า การ ใส่หน้ากากอนามัยซ้ำ เป็นอันตรายและมีโอกาสเสียชีวิตจากแบคทีเรียสะสมเป็นเรื่องจริง
ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ชี้แจงกระแสข่าวที่ระบุว่า การใส่หน้ากากอนามัยซ้ำ ๆ มีโอกาสเสียชีวิตจากแบคทีเรียที่สะสมอยู่ ซึ่งจากการตรวจสอบกับกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมยืนยันว่าเป็นข่าวจริง
โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “หน้ากากอนามัยเป็นชนิดที่ใช้แล้วทิ้ง ห้ามซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัยที่มาจากผู้ป่วย หรือหน้ากากอนามัยที่เกิดจากบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องตรวจวินิจฉัย รักษาโรค ชันสูตร ฯลฯ ก็ตาม ถือได้ว่าเป็นขยะติดเชื้อ เพราะเป็นขยะที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่จึงจำเป็นต้องทิ้งในถังขยะติดเชื้อและกำจัดตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ.2545
อย่างไรก็ตามหน้ากากอนามัยที่เป็นขยะติดเชื้อนั้น หากจัดการไม่ถูกต้องจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นแหล่งของเชื้อก่อโรค โดยเฉพาะเชื้อโรคที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อราบางชนิด ปรสิตบางชนิด
ซึ่งจะเจริญเติบโตและก่อโรคแก่ผู้ที่ไปสัมผัส ดังนั้นควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุก ๆ 6 – 8 ชั่วโมง เมื่อหน้ากากเปียกชื้น สกปรก หรือเมื่อออกจากสถานที่เสี่ยง/แออัด และควรทิ้งหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องทุกครั้งหลังใช้โดยทิ้งในถังขยะที่มีฝาปิด กรณีใช้ในโรงพยาบาลให้ทิ้งในถังขยะติดเชื้อและกำจัดตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ.2545 สำหรับหน้ากากผ้าให้ซักทุกวันด้วยสบู่หรือผงซักฟอกและตากแดดให้แห้ง พร้อมทั้งล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำทุกครั้ง”